วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

frame-8 : ผมเคยชนสุนัข ด้วยการตัดสินใจไม่เหยียบเบรค

สวัสดีครับ สำหรับผู้ที่ลองติดตามอ่านบทความที่ดูจะเครียดๆ ของผม "ความพยายามที่จะเลว" คราวนี้ผมขอเขียนบทความที่ผมคิดว่า ใครที่เคยขับรถ อาจจะต้องเคยผ่านประสบการณ์นี้ เพียงแต่ว่าที่ผมนำเหตุการณ์นี้มาให้ทุกคนอ่าน ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจของคนเรา ก็ต้องเลือกระหว่าง "ตัวเรา" หรือ "อีกชีวิต"

คืนนั้นผมกำลังเดินทาง เพื่อไปรับแฟนที่จังหวัดกาญจนบุรี กลับบ้าน เนื่องจากเธอไม่อยากค้างคืนที่รีสอร์ท ผมจำได้ว่ามันดึกมากแล้วครับ น่าจะสัก 3 ทุ่มได้ ขณะที่ผมกำลังจะข้ามสะพานข้ามคลองที่ใหญ่พอสมควร แต่ไม่น่าจะเป็นแม่น้ำนะครับ คงอีกสักราวๆ 50 เมตรได้ ก็จะถึงคอสะพาน

ก็มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งมาถึงกลางถนน ซึ่งจากประสบการณ์ของผม สุนัขมักจะวิ่งมาถึงกลางถนนแล้วชอบหยุด และก็เป็นเหตุทำให้รถชนสุนัขตายกลางถนน ที่เราเห็นๆ กัน เหตุการณ์นี้ผมพึ่งเคยประสบครั้งแรก ผมตกใจมาก ผมเคยแต่เห็นไกลๆ ส่วนใหญ่จะเบรคทัน แต่ครั้งนี้ในสมองผมสั่งการหลายอย่างครับ

  • ถ้าผมเบรค รถข้างหลังที่ตามมาไม่ไกล อาจชนรถผม และผมก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ ผมมมต้องไปรับแฟน (ความคิดตรงนี้ คงมองได้ไม่อยาก คงเป็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ต้องเลือกตัวเองก่อน ความรู้สึกของผมคือ ผมต้องเลือกอย่างนั้น จริงๆ)
  • ถ้าผมเบรค แล้วหักรถหลบ (เพราะส่วนตัวมีนิสัยชอบเบรค และหักรถหลบ) อาจจะบังคับรถไม่อยู่แล้วอาจจะชนคอสะพาน หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันคาดเดาไม่ถึง พูดง่ายๆ คือ ห่วงข้างหน้า หลังจากที่ห่วงข้างหลังไปแล้ว
  • ผมตกใจจึงสาดไฟสูงเข้าใส่สุนัขตัวนั้น ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นใครก็คงต้องทำแบบนี้ (แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้ว ผมขอแนะนำคนที่ขับรถ แล้วจะไปเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยว่า อย่าไปสาดไฟสูงใส่สุนัข เพราะมันจะชะงัก แล้วมันก็จะหยุดให้เราชน) มันชะงักครับ ผมตกใจรอบสอง ผมหยุดเปิดไฟสูง เปลี่ยนเป็นกดแตรรถ ได้ผลครับ มันขยับตัว แต่ก็ (มันคงเป็นธรรมชาติของสุนัขที่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ คือมันจะวิ่งกลับไปทางเดิม เหมือนจะลังเลใจ อะไรทำนองนั้น) มันกลับไปทางเก่าครับ คือสุนัชพุ่งมาจากทางด้านซ้าย มันชะงักแล้วจะกลับไปทางซ้าย ผมแตะเบรคนิดนึงเพื่อลดความเร็วครับ
  • แต่ผมต้องประคองรถ จึงไม่ได้เบรคจนสุดๆ แล้วผมก็เบี่ยงรถไปทางซ้าย แต่ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาทางเดิม ผมชนเจ้าสุนัขตัวนั้น แบบเฉียดๆ เพราะผมพยายามเบี่ยงรถกลับมาบนถนนเหมือนเดิม
  • แต่เสียงร้องของสุนัขตัวนั้น นะซิครับ ผมได้ยินชัดเจน ผมไม่ได้ทับเขา แต่ชนแน่นอน อยู่ที่ว่าชนอะไร ชนขา ขนก้น แต่ก็คือ ชนอยู่ดีครับ

คืนนั้นผมก็ยังคงต้องขับรถไปรับแฟน ผมไม่ได้หยุดดูมันเลย เพราะมันดึกมาก ทางก็ไม่เคยไป แผนที่ก็ไม่ละเอียด ยังต้องหาทาง ครับ เหตุผลสารพัด ผมคิดว่า มันเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งที่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ ณ ตอนนั้น ผมทำได้แค่นั้น ถ้าเป็นปัจจุบัน ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะผมขับรถไม่ได้ แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังขับรถได้ ผมก็คงแนะนำได้แค่ว่า อย่าขับรถเร็ว จะได้เบรคทัน (ตอนนั้นดึกแล้ว หาทางด้วย ผมคงขับสัก 60-80 km./ ชั่วโมง) ถ้าเจอสุนัขข้ามถนนก็อย่าเปิดไฟใส่ ให้มันเดดินไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้าย ถ้าไม่ได้ชนสุนัข ก็จะรู้สึกดีครับ แต่ถ้าชน ก็ต้องคิดละครับ แล้วแต่คนครับ

บางคนก็รีบโทษสุนัขให้ความผิดอยู่ที่มัน จะได้รู้สึกสบายใจ บางคนก็รู้สึกผิดที่ชนมัน จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ ผมว่าบางคนอาจจะเฉยๆ เลยเพราะชนบ่อย

ที่ผมเล่าเหตุการณ์นี้ให้ได้อ่านกัน เพราะอยากแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบว่า เสี้ยววินาทีนั้นถึงผมจะเหยียบเบรคแล้ว แต่ผมก็รู้แก่ใจว่า ผมไม่ได้เหยียบเบรคจนสุด เพื่อหยุดรถ เพียงเพราะเหตุผลส่วนตัวของตัวเอง ผมคิดว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของคนเราครับ

ขอบคุณครับ (พิมพ์ไปก็เครียดไป ขอโทษที่ทำให้เครียดไปด้วยนะครับ)

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
28/4/2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับแรก