วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550

frame-4 : ผมเคยเอาลูกแมวไปปล่อยที่วัดหลายครั้ง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคนที่ผ่านมาคือเป็นการพูดโกหก ขโมยขนม และขโมยเงิน แต่บทความคราวนี้เริ่มมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากอาม้าผมแล้ว คือการนำลูกแมวที่มีหลายตัว และหลายครั้งไปปล่อยที่วัดครับ

ขอเริ่มต้นเรื่องจากบ้านของผมเป็นร้านขายของโชวห่วย แถวตลาดศรีเขมา เป็นตึกแถวที่ปัจจุบันร้างไปหมดแล้ว ตึกเก่ามากแล้ว น่าจะเกิน 40 ปี สมัยที่ผมอยู่นั้น นอนดิ้นหน่อย ถ้าหัวหรือขาไปโดนผนังปูน ปูนจะหลุดร่อนออกมาเลย เวลารถสิบล้อวิ่งผ่าน หน้าต่างก็จะสะเทือน ดีแล้วที่ย้ายออกมา

ที่เล่าให้ฟังว่าตึกเก่าแล้ว เพื่อจะโยงให้เห็นภาพว่า ดังนั้นใต้ตึกก็เก่ามากเช่นกัน จึงเป็นที่อยู่ของสัตว์ยอดฮิตประจำเมือง ทั้งแมลงสาบ (เคยเขียนบทความเกี่ยวกับแมลงสาบด้วย) หนู เป็นต้น และเจ้าหนูนี่แหละครับ มันกินดะทุกอย่าง (อาจไม่กินก็ได้ ดูเหมือนมันจะเกเรมากกว่า) พวกมันกัดทุกอย่าง

กัดสบู่ ก็ขายใครไม่ได้ ต้องเอาไว้ใช้อาบน้ำเอง

กัดขนม-มาม่า อันนี้เลิกกันเลย กินไม่ได้อยู่แล้ว

กัดกล่องนม อันนี้โชคดีหน่อยสามารถเก็บไว้เปลี่ยนกับคนส่งได้ คือขอให้เขาช่วยรับคืนครับ เป็นต้น

เพื่อนๆ เห็นภาพแล้วนะครับว่า ด้วยเหตุนี้เองที่บ้านผมมีความจำเป็นต้องเลี้ยงแมว ลายเสือด้วย สีเทา ดำ ขาว 3 สี และดุมาก เล็บคม ตบเก่ง หมาแถวบ้านยังไม่ยุ่งเลย แถมเจ้าชู้อีกต่างหาก ผมตีความเอาเองนะครับ เพราะมันท้องบ่อยมาก จนไม่ต้องนับรุ่นกัน

บางครอกที่มันออก มันจะกินลูกมันด้วย เหลือแต่หัว น่าสงสาร ผมจะตีมันแรงๆ เวลามันทำอย่างนั้น (เห็นอาม้าผมบอกว่าแสดงว่าลูกมันไม่สบาย) แต่ก็มีหลายครอกที่ก็โตจนเล่นซน และผมก็เห็นแม่แมวตัวนี้ ชอบจับลูกหนูมาให้ลูกแมวเล่น ตบไปตบมาและก็กินในที่สุด

ลูกแมวแต่ละครอกก็จะซนตามประสา แต่ว่าพวกมันชอบถ่ายในบ้าน ทั้งๆ ที่ตัวแม่ ก็ถ่ายนอกบ้าน ดังนั้นถ้าครอกไหน ถ่ายนอกบ้านก็จะเลี้ยง และยกให้คนอื่นควบคู่กันไป แต่ถ้าครอกไหนถ่ายในบ้าน ผมก็มีหน้าที่ นำพวกมันไปปล่อยที่วัด ครับ

นำพวกมันใส่กล่องเบียร์ ปิดเทปกาวอย่างดี ไม่อย่างนั้นเวลายกไป มันจะแง้วๆๆ และแทงหัว แทงขามาทางฝาปิดกล่องได้ พอถึงวัดก็ลอกเทปกาวออก พวกมันก็จะมีความสามารถออกมาจากกล่องได้เอง

วัดที่ผมไปปล่อยเป็นประจำ ก็คือ " วัดสร้อยทอง " ปัจจุบันเป็นวัดอารามหลวงไปแล้ว แต่ผมจำไม่ได้ว่าระดับไหน ที่พักของคณะแม่ชีอยู่ด้านหน้าวัด ทางซ้ายมือ ซึ่งก็ติดกับกำแพง เวลาผมไปปล่อย ก็จะวางกล่องไว้ประตูหน้า หรือจับปล่อยทีละตัวผ่านประตูเหล็ก อย่างน้อยที่นี่ก็มีอาหารให้มันกิน

ในวัยเด็กที่ผมนำพวกมันไปปล่อย ก็จะรีบวิ่งหนีแม่ชี ที่ตะโกนไล่หลังมา ฟังไม่ได้สรรพหรอกครับ ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว แต่ผมไม่เคยทิ้งไว้ริมถนน หรือกองขยะ เพราะกลัวมันถูกรถทับ หรือไม่มีใครนำไปเลี้ยง

พฤติกรรมเหล่านี้ ที่ผมเคยทำมา ผมคิดว่าผมกำลังชดใช้กรรมอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นผู้ทุพพลภาพนะครับ แต่น่าจะเป็นเรื่องของบ้านที่อยู่อาศัยมากกว่า ผมย้ายที่อยู่บ่อยๆ หรือย้ายบ้านบ่อยนั่นเอง และปัจจุบันผมก็ไม่ได้อยู่กับครอบครัว คือใจของผมไม่อยากอยู่ อยากออกจากบ้านมาพิสูจน์ตัวเองเรื่องการทำงาน เช่น ผมทำเว็บไซต์รับฝากชำระค่าน้ำ-ไฟฟ้า-โทรศัพท์ทุกระบบ นิตยสารออนไลน์ สำหรับโรงงาน และนิทรรศการออนไลน์ เป็นต้น

ผมจึงคิดว่า ทุกวันนี้ การที่ผมอยากออกมาอยู่ข้างนอก และย้ายบ้านบ่อย ก็คือเป็นการชดใช้กรรมที่นำลูกแมวไปปล่อยครับ


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
17 กันยายน 2550

1 ความคิดเห็น:

  1. เคยปล่อยเหมือนกันอะ
    นึกๆดู ทำไมเราใจร้ายขนาดนั้นนะ
    เพียงแค่รำคาญมัน.....แค่นั้น

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับแรก