วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

frame-5 : ได้เงินทอนเกิน แล้วรู้สึกดีใจ อยากได้

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ผู้อ่านทุกคน บทความคราวนี้ผมขอพาทุกคนย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กของผมอีกครั้ง สมัยมัธยม 2 ซึ่งส่วนตัวแล้วค่อนข้างแน่ใจว่า เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเคยเกิดกับเพื่อนๆ อีกหลายคนแน่นอนครับ งั้นลองอ่านกันเลยนะครับ

นักเรียนส่วนใหญ่ก็มักทานข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียนอยู่แล้ว ที่จะเอาข้าวมาทานเองสมัยนี้คงมีน้อยลงทุกที ยิ่งสังคมของคนในกรุงเทพฯ แล้วคงเป็นอย่างที่ผมกล่าวถึง ผมก็คงทานข้าวที่โรงอาหารอยู่ทุกวันอยู่แล้ว และแล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตของผมอีกเหตุการณ์หนึ่ง หลังจากผู้อ่านได้ลองอ่านหัวเรื่องของบทความแล้วคงพอจะเดาเหตุการณ์ออกว่าน่าจะเป็นเรื่องอะไรนะครับ และก็คงอาจจะนึกต่อว่า แค่เรื่องได้เงินทอนเกินมันจะสำคัญแค่ไหนกันเชียว ลองอ่านต่อนะครับ เพราะสำหรับผมแล้ว ผมสำคัญทีเดียว

มีอยู่วันหนึ่ง ที่ผมให้ธนบัตรใบละ 20 บาท เพื่อซื้อข้าวแกงจานละ 5 บาท (ตอนนั้นผมคงอายุราวๆ 13 ย่าง 14 ปี คงช่วง พ.ศ.2528) ปรากฏว่าคุณป้าร้านข้าวแกงกลับทอนเงินให้ผม 495 บาท คือแกคิดว่าผมให้เป็นธนบัตร 500 บาท ดูสิครับเหมือนผมกำลังถูกทดสอบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยครับ แล้วเด็กอย่างผมจะทำอย่างไรดี

ความรู้สึกแรกเริ่มเลยที่ได้รับเงิน 495 บาท (ผมจัดลำดับความคิดเป็นขั้นตอนให้เลยนะครับ)

  • เราให้ธนบัตรอะไรไปนะ, แค่ 20 บาทนี่นา (แสดงว่าตัวผมรู้แล้วว่าคุณป้าน่าจะทอนเงินผิด)
  • เมื่อเห็นเงินที่เกินมา 480 บาทก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เงินเกิน (แสดงว่าผมกำลังยินดีกับเงินฟรี ที่ได้มาอย่างง่ายๆ ซึ่งเป็นเงินของผู้อื่น)
  • รีบรับเงินทอน แล้วไปหาที่นั่งกินข้าวไกลจากร้านของคุณป้า (แสดงว่าผมกำลังอยากได้เงินที่เกินนี้มากถึงขนาดหาท่นั่งไกลๆ จากร้านคุณป้า อันนี้ถือว่าแย่มากๆ)
  • ขณะที่กำลังจะเริ่มทานข้าว ก็เริ่มลังเลใจว่าจะเอาเงินที่เกิน ไปคืนดีไหม หรือว่านี่เป็นโชคดีของเรา (แสดงว่าตัวผมอีกด้านหนึ่งที่ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง เริ่มออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องแล้ว)
  • ผมนึกไปถึงคุณป้าที่แกมีกำไรคงไม่มากเท่าไหร่ แถมคุณป้าท่านนี้ยังใจดีกับนักเรียนทุกคน ใครทานไม่อิ่มสามารถเติมข้าวได้ฟรี แกใจดีมากๆ ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็น "ป้านก" (โรงเรียนโยธินบูรณะ) ผมเองก็เติมข้าวแทบทุกครั้งที่ทานข้าวแกงของแก แล้วอย่างนี้ผมจะเอาเงินเกินของคุณป้ามาได้ยังไง ไม่ถูกต้อง (แสดงว่าภายในจิตใต้สำนึกผมในฝากของความถูกต้อง ชนะฝ่ายไม่ถูกต้องแล้ว)
  • ผมตัดสินใจนำเงินที่เกิน 480 บาทไปคืนคุณป้าก่อนที่ผมจะทานข้าว
  • ผมกลับมาทานข้าวอย่างมีความสุข

แต่ที่ผมนำเหตุการณ์คราวนั้นมาเขียนบทความก็เพราะอยากจะนำเสนอ ส่วนที่ไม่ดีของตัวผมที่ในช่วงแรกของการได้รับเงินทอนเกิน 480 บาท ทำไมผมไม่คืนเงินให้คุณป้าทันที แถมยังมีเจตนาไปไกลๆ จากร้านคุณป้าอีก ซึ่งแสดงว่าในช่วงต้นของความรู้สึกของเหตุกรณ์นี้ เป็นความไม่ดีที่มีอยู่ในตัว แต่ผมยังโชคดีที่กลับมาคิดได้ พิจารณาได้ว่า ความถูกต้องคืออะไร ต้องทำอย่างไร

หวังว่า เพื่อนๆ ผู้อ่านที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้ จะได้มีโอกาสทบทวนอดีต เพื่อที่ปัจจุบัน ตัวเราจะได้รู้ตัวตนของเราเองกันนะครับ เหมือนเดิมนะครับ บทความในบล็อกนี้อาจจะดูเครียดๆ หน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า จะนำประสบการณ์ที่ผมเคยผ่านมา ซึ่งผมถือว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมคิดว่า เป็นความไม่ดีเกี่ยวกับคนคนหนึ่ง ที่อาจจะทำให้ใครอีกหลายๆ คนได้อ่านเพื่อเป็นตัวอย่าง ก็เท่านั้นเองครับ

ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล

16/4/2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับแรก